------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ
กริบบิน,แมรี่
หยุดทำร้ายโลก
1.มลพิษ I. กริบบิน,จอห์น,ผู้แต่งรวม
II. นวลคำ จันภา, ผู้แปล. III. ชื่อรวม
363.73
ISBN 974-512-254-8
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"นอกเหนือจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกที่เกิดตามธรรมชาติแล้ว มนุษย์ยังระบายก๊าซเรือนกระจกอีกจำนวนหนึ่งที่ "ไม่มีอยู่ตามธรรมชาติ" ออกสู่อากาศก๊าซเหล่านี้เรียกว่า "คลอโรฟลูออโรคาร์บอน" หรือซีเอฟซี ที่เป็นตัวการทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศและทำให้เกิด "รอยรั่วบนท้องฟ้า"
โลกกำลังร้อนขึ้นทุกขณะ นับตั้งแต่ยุคแรกที่นักวิทยาศาสตร์เริ่มวัดและบันทึกสถิติของโลกเป็นต้นมา ปีที่ร้อนที่ในทศวรรษนี่ได้แก่ปี ค.ศ. 1987 นับตั้งแต่มีการบันทึกอุณหภูมิอย่างแม่นยำที่เริ่มกันมากว่า 150 ปีมานี้ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นเรื่อยๆมาเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว
ถึงแม้ว่าโลกกำลังร้อนขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิภายในคริสต์ศตวรรษที่ยี่สิบยังนับได้ว่าเกิดขึ้นค่อนข้างช้า โลกค่อยๆ ร้อนขึ้น ประมาณ 0.5 องศาเซลเซียสภายในรอบ 100 ปี อุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยนี้ นับไดว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ถ้าเทียบกับแบบแผนการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
นักภูมิอากาศใช้แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ในการศึกษาว่าภูมิอากาศจะเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะใดในขณะที่ภาวะเรือนกระจกรุนแรงขึ้น
ไม่มีใครบอกได้แน่นอนหรอกว่าโลกจะร้อนขึ้นเท่าใดในคริสต์ศตวรรษหน้า แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์จะบอกได้เพียงว่าภาวะเรือนกระจกจะเกิดเพิ่มขึ้นเท่าใด
ผู้คนทั่วไปคงจะไม่หยุดระบายก๊าซเรือนกระจกออกสู่อากาศ เราคงนึกภาพไม่ออกว่าโลกนี้จะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีการเผาเชื้อเพลิงเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังงาน และไม่มีการเกษตรเพื่อให้ได้ผลผลิตอย่างเต็มที่มาเลี้ยงประชากรที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
ปัญหาที่ตามมาจึงมีเยอะแยะมากมาย เช่น การเกิดภัยธรรมชาติ ผู้คนไม่มีที่ทำมาหากิน การขาดแคลนทรัพยากร ฯลฯ
เราจึงต้องช่วยกันรักษาและดูแลทรัพยากรธรรมชาตินี้ไว้ ด้วยวิธีการต่างๆที่เราสามารถช่วยกันทำได้
เช่น การปลูกป่าไม้ทดแทน การไม่ตัดไม้ทำลายป่า การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การช่วยดูแลแม่น้ำลำคลอง
นอกจากนี้บุคคลแต่ละคนก็ควรจะทำในสิ่งที่ตนเองพอจะทำได้ตามขอบเขต ภาครัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมจะต้องช่วยปฏิบัติในส่วนของตนเองด้วยพาหนะบนท้องถนนเป็นต้นเหตุของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ในการบรรเทาปัญหาภาวะเรือนกระจกนั้น วิธีที่ช่วยได้มากก็คือการใช้เงินจำนวนหนึ่งในการติดฉนวนในบ้านให้มิดงาน ใช้หลอดไฟที่ประหยัดพลังงาน เป็นต้น
ในฝ่ายของรัฐบาลสิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับรัฐบาลที่จะชะลอปัญหาโลกร้อนขึ้นก็คือ ห้ามการใช้สารซีเอฟซีซึ่งเป็นก๊าซที่มีประสิทธิภาพสูงในการกักความร้อน และยังทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศโลกด้วย
สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันสอดคล้อง 9 ข้อพ่อสอนไว้ “นิสัยแห่งความดี” ด้านต่างๆ ดังนี้
1.ความเพียร เช่น มนุษย์เป็นคนที่มีความคิดฉลาดหลักแหลมหาวิธีป้องกันภัยธรรมชาติจนสามารถช่วยเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆได้เยอะ
2.ความพอดี เช่น การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างพอประมาณและเกิดประโยชน์สูงสุด
3.ความรู้ตน เช่น เราควรรู้ตนอยู่เสมอว่าธรรมชาติสำคัญกับเราขนาดไหนเราก็ควรที่จะช่วยกันรักษาธรรมชาติไว้อย่าให้ใครมาทำลายได้
4.คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ เช่น การที่เราได้รับผลประโยชน์จากธรรมชาติแล้วเราก็ควรจะให้ธรรมชาติกลับคืน เช่น การปลูกป่าไม้ทดแทนป่าไม้ที่ถูกทำลายไป
5.อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ เช่น ธรรมชาติที่เคยถูกทำลาย รอการฟื้นฟูจากมนุษย์ แต่มนุษย์กลับไม่เคยสนใจอะไรเลย
6.พูดจริงทำจริง คือ ช่วยกันรักษาและดูแลทรัพยากรธรรมชาตินี้ไว้ ด้วยวิธีการต่างๆที่เราสามารถช่วยกันทำได้
เช่น การปลูกป่าไม้ทดแทน การไม่ตัดไม้ทำลายป่า การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การช่วยดูแลแม่น้ำลำคลอง
7.หนังสือเป็นออมสิน คือ นักภูมิอากาศใช้แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ในการศึกษาว่าภูมิอากาศจะเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะใดในขณะที่ภาวะเรือนกระจกรุนแรงขึ้น จึงค้นหาวิธีการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน
8.ความซื่อสัตย์ เช่น ในฝ่ายของรัฐบาลสิ่งที่ง่ายที่สุดสำหรับรัฐบาลที่จะชะลอปัญหาโลกร้อนขึ้นก็คือ ห้ามการใช้สารซีเอฟซีซึ่งเป็นก๊าซที่มีประสิทธิภาพสูงในการกักความร้อน และยังทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศโลก

ทำให้รู้ถึงสิ่งต่างๆที่กำลังทำร้ายโลก เป็นผลให้ต้องช่วยกันรักษาไว้ เพื่อที่จะได้อยู่บนโลกใบนี้ได้นานๆค่ะ
ตอบลบ