--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ
สสส...เราพร้อม...ไม่ยอมเป็นเหยื่อ
ISBN 978-616-7230-15-3
พิมพ์ครั้งที่ 1 พฤศจิกายน 2553
จำนวน 3,000. 199 หน้า
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายโดย มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากข้อมูลการสูบบุหรี่ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาระบุว่า
ไทยเป็น 1 ใน 15 ประเทศกำลังพัฒนาที่มีอัตราการสูบบุหรี่มากที่สุด และเป็น 1 ใน 4
ประเทศในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีอัตราการสูบบุหรี่ในนักเรียนสูงที่สุดคือร้อยละ
15.7 ในขณะที่ประเทศอินเดียนักเรียนสูบบุหรี่ร้อยละ 14.1 อินโดนีเซีย ร้อยละ 13.5
บังกลาเทศมีนักเรียนสูบบุหรี่เพียงร้อยละ 5.8 เท่านั้น
เหตุผลสำคัญที่การสูบบุหรี่ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องเยียวยากันต่อไปนั่นก็ด้วยเหตุผล
2 ข้อ คือ หนึ่ง บุหรี่เป็นสิ่งเสพติดที่ทีฤทธิ์ในการเสพติดสูงมาก
ผู้ที่ติดบุหรี่ส่วนมากแม้อยากจะเลิกแต่ก็เลิกยาก และสอง
บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ขายบุหรี่ได้
โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ที่บริษัทหมายมั่นปั้นมือจะเอาเป็นลูกค้าให้ได้
ภายใต้แนวคิดที่ว่า “นักสูบวัยรุ่น คือ อนาคตธุรกิจของเรา” ซึ่งเป็นที่มาของจำนวนนักสูบหน้าใหม่วัยเยาว์ที่สูงกว่านักสูบกลุ่มอื่น
โดยที่เอกสารลับของบริษัทบุหรี่หลายชิ้นก็ระบุไว้อย่างนั้น
“ฐานการทำธุรกิจของเรา อยู่ที่เด็กมัธยมปลาย”
“ต้องมีความรู้ให้มากที่สุดถึงแบบแผนและทัศนคติเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ของเด็กวัยรุ่น
วัยรุ่นวันนี้ คือผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าประจำของเราในวันหน้า
...ในช่วงวัยรุ่นนี่เองที่ผู้สูบบุหรี่ เลือกบุหรี่ยี่ห้อแรกมาลิ้มลอง”
“รสชาติของบุหรี่มวนแรกเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพิสมัยอย่างยิ่งสำหรับผู้หัดสูบ
เพื่อช่วยให้ผู้หัดสูบผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้เราต้องเอาเหตุจูงใจทางจิตวิทยาขึ้นมาใช้
ทำให้การสูบบุหรี่เป็นพฤติกรรมเชิงสัญลักษณ์ คือ ฉันไม่ใช่ลูกแหง่ของแม่อีกต่อไป
ฉันเข้มแข็งเป็นนักผจญภัย ฉันไม่ใช่คนเชย เมื่อพลังในเชิงจิตวิทยาเริ่มอ่อนแอลง
ผลของนิโคตินจะเข้าแทนที่เพื่อสืบทอดพฤติกรรมสูบบุหรี่ไว้เป็นนิสัยต่อไป”
“การจะให้บริษัทเราอยู่รอดละก้าวหน้าต่อไป
เราจะต้องช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดที่เป็นเยาวชนมาเป็นของเราในระยะยาว”
“ถ้าหากบริษัทสูบบุหรี่ต้องหยุดทำการตลาดที่พุ่งเข้าไปที่เด็กๆ
บริษัทบุหรี่ก็จะล้มละลายภายใน 25 ถึง 30 ปี
เพระจะไม่มีลูกค้าเพียงพอที่ธุรกิจจะอยู่ได้”
“บุหรี่ยี่ห้อใหม่ที่จะผลิตเพื่อวัยรุ่นต้องเป็นยี่ห้อที่สูบแล้วเท่
ส่งเสริมการขายด้วย การเน้นการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อน...การทำในสิ่งที่เป็นตัวของตัวเอง...”
“เราได้รับการมอบหมายจากลูกค้าให้ออกแบบซองบุหรี่ที่ดึงดูดเด็กๆ
รูปแบบซองที่ออกต้องดึงดูดตาของวัยรุ่น แต่ต้องไม่ให้ตาของผู้บังคับใช้กฎหมายรู้”
“ควรนำเสนอว่า การสูบบุหรี่ที่เป็นกระบวนการหนึ่ง ในการก้าวไปสู่โลกของผู้ใหญ่ทำให้เราเข้าใจว่า
การสูบบุหรี่เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์และกิจกรรมให้ความรื่นรมย์ที่ต้องห้าม
ชิ้นงานโฆษณาควรจำลองมาจากชีวิตจริงขอวัยรุ่นและเชื่อมโยงบุหรี่เข้ากับกัญชา ไวน์
เบียร์ เรื่องเพศ และอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่วัยรุ่นคิดว่าเป็นพฤติกรรมเดียวกัน”
สังคมประเทศต่างๆ ต่างก็รู้ว่าการเสพติดบุหรี่เกิดขึ้นขณะเป็นวัยรุ่น
แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่น่าเจ็บปวด
ที่ทุกประเทศทั่วโลกก็ไม่สามารถที่จะป้องกันการเสพติดบุหรี่ในเยาวชนของตัวเองได้
นักวิชาการธนาคารโลกประมาณว่าเด็กๆ ติดบุหรี่ใหม่ทั่วโลกวันละ 80,000 ถึง 100,000 คน
จึงถึงแม้ว่าคนสูบบุหรี่จะตายปีละ 6 ล้านคน
คนที่ไม่สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่มือสองตายปีละ 6 แสนคน
แต่จำนวนคนสูบบุหรี่ก็ยังคงเพิ่มขึ้น
เพราะเด็กติดใหม่เพิ่มขึ้น ในจำนวนที่มากว่าคนที่เลิกหรือตายจากการสูบบุหรี่ประเทศไทยเรา
เด็กๆ ที่ติดบุหรี่ใหม่ในแต่ละปีมีจำนวนเท่าๆ
กับผู้ใหญ่ที่เลิกหรือตายจากการสูบบุหรี่
บุหรี่กับเยาวชนจึงเป็นประเด็นที่ทั่วโลกถกเถียงกุมขมับกันมาโดยตลอด
คอลัมน์ ที่เกี่ยวกับบุหรี่กับเยาวชนในแง่มุมต่างๆ
จึงเป็นหนึ่งในคอลัมน์หลักของหนังสือ SMART
ตั้งแต่ต้น
ในความเป็นจริงเราพบว่าประมาณร้อยละ 90
ของผู้สูบบุหรี่ทั่วโลก เริ่มสูบบุหรี่ก่อนมีอายุ 18 ปี
ทำให้ปัจจุบันเยาวชนยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเริ่มต้นทดลองสูบบุหรี่อยู่เสมอ อยากลองวัยของความสนุกสนาน
วัยของการต้องการการยอมรับทั้งในกลุ่มเพื่อนและในสังคม
วัยที่ต้องการแสดงออกซึ่งตัวตนอย่างเต็มที่
และวันที่ต้องการแสดงออกซึ่งตัวตนอย่างเต็มที่ และวัยที่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
ล้วนเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้วัยรุ่นสนใจและใช้บุหรี่ (ซึ่งกลายเป็นสินค้าสะดวกซื้อที่มีขายอย่างสะดวกเหมือนสินค้าอุปโภคอื่นๆ)
เป็นอุปกรณ์แสดงออกซึ่งความเป็นตัวตนดังกล่าว
ประกอบกับกิจกรรมบันเทิงหลากหลายที่โดนใจวัยโจ๋ที่พ่อค้าบุหรี่ดีใจจัดให้อีกมากมาย
ซึ่งมีให้เห็นมากมายในประเทศที่กฎหมายห้ามโฆษณาบุหรี่ไม่เข้มแข็ง โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียเป็นประเทศลูกค้าหน้าใหม่
ล้วนมีส่วนผลักดันให้เยาวชนหันมาสูบบุหรี่มากขึ้น
สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันสอดคล้อง 9 ข้อพ่อสอนไว้ “นิสัยแห่งความดี” ด้านต่างๆ ดังนี้
สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันสอดคล้อง 9 ข้อพ่อสอนไว้ “นิสัยแห่งความดี” ด้านต่างๆ ดังนี้
1.ความเพียร เช่น การศึกษาหาความรู้ในการป้องกันตัวเองให้ออกห่างจากสารเสพติดทุกชนิด
2.ความพอดี เช่น คนเราไม่เคยคำนึงถึงสิ่งที่เรามี แต่กลับขวนขวายเพิ่มสิ่งที่แย่ๆเข้ามาเพราะคิดว่ามันเท่ห์ บางคนคิดว่าสูบบุหรี่แล้วเท่ห์ เลยเลือกที่จะสูบ แต่ไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมา
3.ความรู้ตน เช่น เตรียมตัว ก่อนอื่นต้องรู้ว่าเมื่อใดและที่ไหนที่คุณชอบสูบบุหรี่ แล้วลองคิดหากิจกรรมที่จะทำแทนการสูบบุหรี่ และทำให้คุณลืมการสูบบุหรี่ เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา เป็นต้น แล้วหาใครบางคนไว้คอยช่วยเหลือ เป็นสักขีพยานรับรู้ความตั้งใจของคุณ แล้วจึงกำหนดวันลงมือ
4.คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ เช่น บางครั้งการสูบบุหรี่ หรือการแอบสูบบุหรี่กับเพื่อนวัยรุ่นด้วยกัน เป็นเพียงการทดลองเล่น ๆ หรือหาประสบการณ์ชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อไม่ชอบ เด็กก็จะเลิกสูบไปเอง แต่ถ้าไม่ริสูบเลยตั้งแต่แรกเห็นจะเป็นการดีที่สุด
5.อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ เช่น ลงมือ…หยุดสูบบุหรี่ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงกิจวัตรที่มักทำให้ต้องสูบบุหรี่เหมือนเมื่อก่อน ต้องมีความพยายามเป็นอย่างมาก
6.พูดจริงทำจริง เช่น การจะเลิกบุหรี่ ถ้าหากมีความมุ่งมั่นพยายามก็จะมีโอกาสในการเลิกบุหรี่สำเร็จสูงมาก
7.หนังสือเป็นออมสิน เช่น บุหรี่เป็นภัยใกล้ตัวที่อยู่รอบๆ ตัวเราในสังคม ไม่ว่าจะที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ทำงานหรือแม้กระทั้งที่สาธารณะทั่วไป เราจึงต้องค้นคว้าหาวิธีการป้องกันภัยจากบุหรี่ เพื่อตัวเราและคนรอบข้าง
8.ความซื่อสัตย์ เช่น บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ขายบุหรี่ได้ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ที่บริษัทหมายมั่นปั้นมือจะเอาเป็นลูกค้าให้ได้ ภายใต้แนวคิดที่ว่า “นักสูบวัยรุ่น คือ อนาคตธุรกิจของเรา” ซึ่งเป็นที่มาของจำนวนนักสูบหน้าใหม่วัยเยาว์ที่สูงกว่านักสูบกลุ่มอื่น
9.การเอาชนะใจตน เช่น รสชาติของบุหรี่มวนแรกเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าพิสมัยอย่างยิ่งสำหรับผู้หัดสูบ เพื่อช่วยให้ผู้หัดสูบผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้เราต้องเอาเหตุจูงใจทางจิตวิทยาขึ้นมาใช้

สอนให้รู้เกี่ยวกับการเป็นเหยื่อของบุหรี่นั้นเป็นได้ง่ายกว่าการเลิกสูบบุหรี่
ตอบลบเราไม่ควรสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่จะทำลายสุขภาพของตนเอง เป็นการให้ความรู้ที่ดีมากเลยครับ
ตอบลบ